Sort by
Sort by

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด ด้วยอาหารและกิจกรรมสำหรับเด็กวัยเรียน

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด อาหารและกิจกรรม เพื่อการเติบโตอย่างมีศักยภาพ

         คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่นี้ต่างต้องการหาวิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด เป็นคนดี และมีความสุข ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ ด้านที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยส่งเสริมใ้หลูกรักได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนรู้ของเด็กอายุ 3 - 12 ปี นับเป็นช่วงที่เหมาะสมแก่การเสริมสร้างและพัฒนา IQ กับ EQ ของลูก เนื่องจากเป็นช่วงที่พวกเขาจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เริ่มเข้าโรงเรียน ได้ออกไปเจอกับโลกภายนอก เริ่มเรียนรู้การปรับตัวในสังคม รวมถึงกลุ่มเพื่อนต่าง ๆ 

         การเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่ ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้พวกเขาสามารถนำทักษะที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้ในชีวิต ส่งผลต่อบุคลิกภาพทั้งความฉลาดด้านสติปัญญาและอารมณ์ ในบทความนี้เราจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจวิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด โดยเน้นในเรื่องของอาหาร และกิจกรรมที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และฝึกการเรียนรู้ สู่การเป็นเด็กฉลาดและมีความสุข เป็นที่รักของทุกคนได้อีกด้วย

ชวนไขข้อสงสัยยอดฮิตเกี่ยวกับวิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด
  • จริงหรือไม่!? ความฉลาดของลูกมาจากยีนของแม่
    • ต้องบอกเลยว่า ‘ไม่จริง’ ไปเสียทั้งหมด แม้จะมีงานวิจัยออกมาอธิบายถึงการพัฒนาของเด็ก ๆ ว่า ยีนความฉลาดจะได้มาจากแม่ และการพัฒนาที่ดีจะได้มาจากการที่พ่อเล่นกับลูก แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักเสียทีเดียว เพราะแท้จริงแล้วการที่ลูกจะเป็นเด็กฉลาดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น การอบรมและการเอาใจใส่ที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตมาเป็นเปอร์เซ็นมากถึง 40-60% เลยทีเดียว
       
  • อยากให้ลูกสมองดี ต้องเน้นกินปลาทะเลมากๆ ?
    • มีผลงานวิจัยชี้ว่าการที่เด็ก ๆ ได้รับ DHA จากปลาทะเล นั้นสามารถช่วยเสริมสร้างการพัฒนาต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะสมองและสติปัญญา แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าอยากให้ลูกสมองดีไม่ได้มาจากแค่การกินปลาทะเล เพื่อรับ DHA เพียงอย่างเดียว แต่สารอาหารอื่นๆ ก็มีความสำคัญในการเติบโต และพัฒนาของระบบประสาทของเด็ก เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน วิตามินบี สฟิงโกไมอีลิน  ดังนั้นควรให้เด็กๆ รับประทานอาหารที่หลากหลาย ในปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
       
  • ให้ลูกเล่นมือถือบ่อย ๆ ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้
    • การที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูก ๆ เล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตมากเกินไป อาจส่งผลให้ลูก ๆ ติดอุปกรณ์ดังกล่าวจนไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่เหมาะสมตามวัย และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็ก ๆ และสติปัญญาที่ไม่ค่อยได้คิดหรือได้ใช้งานจากการติดมือถือนั่นเอง การให้ลูกเรียนรู้จากอุปกรณ์หรือสื่อดิจิตอลต่างๆ สามารถทำได้ แต่ควรจำกัดปริมาณเวลาไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้สายตาได้พัก และมีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสริมสร้างพัฒนาการสมองและร่างกายส่วนอื่นๆ ให้รอบด้าน

ความฉลาดของลูกนั้น เกิดจากการดูแลเอาใจใส่และวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องของครอบครัวที่ดี  สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ที่ดี รวมถึงเด็ก ๆ เองได้ถูกพัฒนาทักษะและศักยภาพด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมตามช่วงวัย และสิ่งที่สำคัญเลยคือการได้รับสารอาหารหรือโภชนาการที่มีประโยชน์แก่ร่างกายได้เหมาะสมกับช่วงวัย

3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมองของเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป

          1. กรรมพันธุ์จากพ่อแม่ 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมองของลูกที่คุณรัก  ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ในสกอตแลนด์ได้มีการทำวิจัยและมีผลวิจัยออกมาว่า ความฉลาดของลูกมักได้รับมาจากยีนของแม่ ซึ่งยีนเหล่านี้มักพบมากในสมองส่วนที่ควบคุมการใช้ความคิดและเหตุผล ส่วนยีนที่เด็ก ๆ จะได้จากพ่อนั้นจะเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และการรับประทานอาหารต่าง ๆ

          2. สารอาหารเพื่อสมอง ต้องเลือกให้ถูกลูกจะได้เป็นเด็กฉลาด 

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

 

  • DHA และโอเมก้า DHA เป็นกรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอเมก้า 3 โดยดีเอชเอเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง และจอประสาทตา สำคัญต่อพัฒนาการของระบบประสาท สมอง และการมองเห็น รวมถึงความจำและการเรียนรู้อีกด้วย พบมากในกลุ่มอาหารประเภทปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแอนโชวี่ ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูไทย หอยนางรม สาหร่ายทะเล รวมถึงนมที่มีการเสริมดีเอชเอสำหรับเด็ก เช่น นมยูเอชทีตราหมีเอ็กซ์เปิร์ท ที่มีทั้งดีเอชเอและโอเมก้า รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็กๆ เป็นต้น

  • สฟิงโกไมอีลิน หนึ่งในสารอาหารสำคัญประเภทไขมันชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมอง เป็นองค์ประกอบของปลอกไมอีลินที่หุ้มเส้นใยประสาท ทำให้การส่งสัญญาณประสาทรวดเร็วมากขึ้น เชื่อมโยงการทำงานของสมองแต่ละส่วนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสฟิงโกไมอีลินพบมากในไข่ ชีส และนมที่มีการเสริมสฟิงโกไมอีลิน เช่น นมยูเอชที S-26 Gold Advance

  • วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยในเรื่องการย่อยและการดูดซึมสารอาหารๆในร่างกาย และกระตุ้นการเจริญเติบโตอีกด้วย พบในอาหาร เช่น ตับ ไต เนื้อหมู สัตว์ปีก เป็ด ไก่ ปลา รวมทั้งกุ้ง หอย ปู ไข่ น้ำนมและผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น

  • ธาตุเหล็ก มีส่วนช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตทางระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็ก ธาตุเหล็กยังช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโลหิตจาง และส่งเสริมการเจริญเติบโตอีกด้วย พบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับ เลือด ไข่แดง ผักใบเขียว และนมหรืออาหารเสริมสำหรับเด็กที่มีการเสริมธาตุเหล็ก เป็นต้น

  • ไอโอดีน มีส่วนช่วยในเรื่องของการทำงานของต่อมไทรอยด์ เสริมสร้างการเติบโตของเซลล์สมอง ความจำ พบในอาหารประเภทพืชและสัตว์ทะเลต่าง ๆ เป็นต้น

กิจกรรมกระตุ้นสมองไว ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการลูก

ไม่เพียงแค่เสริมสร้างด้วยวิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาดด้วยการรับประทานอาหารเท่านั้น การเสริมสร้างสติปัญญาของลูกที่คุณรักด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยพัฒนาสมองก็เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ลูกเป็นเด็กฉลาดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะกิจกรรมกลางแจ้ง การออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ที่เหมาะกับลูก หรือกิจกรรมในร่มไม่ว่าจะชอบเล่นกับเพื่อน ๆ ช่างสงสัย ชอบสอบถาม ใครรู้ในเรื่องที่จะต้องการการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยสามารถเลือกเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • เริ่มต้นด้วยกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้านหรือการหางานอดิเรกใหม่ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นสมอง เช่น เล่นกีฬา งานฝีมือ เย็บปักถักร้อย หรือการพาลูกที่คุณรักไปพบปะผู้คนใหม่ ๆ นอกบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งในการฝึกบริหารสมองแบบ Neurobics
  • เล่นเกมฝึกสมอง เช่น เกมคำศัพท์ Crossword หรือ Scrabble หรือเกมกุลยุทธฝึกสมอง เช่น หมากรุก หมากฮอส รวมถึงเกมจับผิดภาพหรือ Photo Hunt เป็นต้น ซึ่งเกมฝึกสมองเหล่านี้จะทำให้
  • เสริมด้วยสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล เช่น ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง หรือภาพยนตร์ที่มีสองภาษา

วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาดนั้นมี 3 ปัจจัยด้วยกันที่มาจากทั้งพ่อแม่ กิจกรรม และสารอาหารสำคัญที่ต้องเสริมเพื่อให้เกิดการพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งการเลือกใช้เทคนิคต่าง ๆ นั้นจำเป็นต้องอาศัยเวลาที่ต่อเนื่องและการเลือกที่สามารถปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมตามช่วงวัยของเด็ก ๆ และตามการสนับสนุนของพ่อแม่ และทั้งหมดจะต้องทำไปด้วยกันด้วยพลังเชิงบวกอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ซื้อผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ :